ตั้งแต่ ChatGPT มาปรากฏตัวช่วงปลายปี 2022 เรื่องของ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กลายเป็นหัวข้อฮอตที่งานประชุมระดับโลกไม่ว่าจะดาวอสหรือเดลี ต่างก็จับมาเป็นประเด็นพูดคุยกันแบบยาวเหยียด
AI จะช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นจริงไหม? หรือจะกลายเป็นภัยที่คุกคามมนุษยชาติ? AI จะเป็นพลังในการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ได้หรือเปล่า? และเราจะควบคุม AI ยังไงให้ไปต่อโดยไม่ติดขัดนวัตกรรม?
งาน AI for Good Summit คืออะไร?
ตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา งาน AI for Good Summit ที่จัดโดยหน่วยงานสหประชาชาติด้านเทคโนโลยีอย่าง ITU (International Telecommunication Union) กลายเป็นเวทีหลักที่คนทำงานด้าน AI และเทคโนโลยีไม่ควรพลาด
ในปีนี้ งานจะจัดที่เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นงานที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา มีธีมหลักเน้นให้นวัตกรรม AI ช่วยแก้ปัญหาโลก เช่น การต่อสู้กับ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเพิ่มความเป็นไปได้สำหรับคนทุกกลุ่มทั่วโลก
ทำไม ITU ถึงจัดงานนี้?
ITU ก่อตั้งตั้งแต่ปี 1865 โดยเดิมชื่อ International Telegraph Union ดูแลเรื่องมาตรฐานโทรคมนาคมทั่วโลก และช่วยให้คนทั่วไปเข้าถึงอินเทอร์เน็ต
งาน AI for Good ถูกออกแบบมาเป็นแพลตฟอร์มเชื่อมต่อระหว่างนักพัฒนา AI กับองค์กรที่ทำงานสนับสนุน เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติ ซึ่งมีเป้าหมายหลักคือช่วยคนที่ยังขาดโอกาสเรื่องสุขภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจสังคม เช่น
- แก้ปัญหาความยากจนสุดโต่ง
- ลดความหิวโหย
- ต่อสู้กับความไม่เท่าเทียมทางเพศ
สิ่งที่จะได้เห็นในงาน AI for Good ครั้งนี้
ในงานสี่วันนี้ ที่ศูนย์ประชุม Palexpo เจนีวา จะมีการพูดคุยกันอย่างเข้มข้นเรื่องบทบาทของ AI แบบที่เรียกกันว่า Agentic AI หรือ AI ที่สามารถพัฒนาตัวเองได้อย่างอิสระ ส่งผลกระทบกับทั้งแรงงานและบริษัทธุรกิจ
โดยจะมีคนดังจากหลายวงการมาแชร์ประสบการณ์ เช่น
- Marc Benioff ซีอีโอ Salesforce
- will.i.am นักร้องวง Black Eyed Peas และทูต ITU ที่จะเน้นย้ำเรื่องการฝึกอบรมเพื่อให้คนใช้ AI ได้อย่างคล่องแคล่ว
นอกจากนี้ยังมีสตาร์ทอัพและบริษัทชั้นนำจากหลายประเทศมานำเสนอผลงานเทคโนโลยีเจ๋งๆ เช่น
- หุ่นยนต์โต้ตอบกับผู้ใช้
- รถยนต์บินได้ (แม้จะคล้ายโดรน แต่ก็น่าตื่นเต้นสุดๆ)
- นวัตกรรม AI จากทีมเยาวชนทั่วโลก
นโยบายและการกำกับดูแล AI ก็เป็นเรื่องใหญ่
หนึ่งวันในงานจะทุ่มเทให้กับการพูดถึง นโยบายและกรอบกำกับดูแล AI ที่กำลังเป็นประเด็นร้อน
จะมีคำปราศรัยจาก อาลาร์ คาริส ประธานาธิบดีเอสโตเนีย เรื่องมาตรฐาน AI ที่ครอบคลุมตั้งแต่ระบบสุขภาพ ไปจนถึงการจัดการกับข้อมูลเท็จที่ AI สร้างขึ้นได้
ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญสำหรับเรา?
ยังมีช่องว่างทางดิจิทัลที่กว้างมาก
- ประมาณ 2.6 พันล้านคนทั่วโลกยังไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ หรือเกือบหนึ่งในสามของประชากรโลก
- แม้จะผ่านไปกว่า 150 ปีตั้งแต่โธมัส เอดิสันคิดค้นหลอดไฟ ก็ยังมีคนราว 700 ล้านคนที่ไม่มีไฟฟ้าใช้งานอยู่ดี
- กลุ่มคนเหล่านี้ส่วนใหญ่กระจุกตัวในประเทศเศรษฐกิจต่ำในภูมิภาค Global South
พอหลายอุตสาหกรรมเริ่มใช้ AI มากขึ้น มูลค่าเศรษฐกิจที่ AI อาจเพิ่มได้สูงถึง 20 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2030 หรือคิดเป็น 3.5% ของ GDP โลก
แต่ช่วงแรกๆ ประเทศเศรษฐกิจใหญ่และพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ และจีน จะได้ประโยชน์ก่อน ส่วนประเทศยากจนจะโดนทิ้งห่างออกไปอีก
สุดท้ายแล้ว เราจะไปต่อยังไง?
ในยุคที่ความแตกแยกทางภูมิรัฐศาสตร์ลึกซึ้ง การสนทนาในเจนีวาครั้งนี้เน้นเรื่อง ความร่วมมือ และการรวมตัวระดับโลกในเศรษฐกิจ AI ซึ่งก็อาจต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะเห็นผลเหมือนเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น รถยนต์บินได้ที่ยังดูเหมือนไกลเกินเอื้อม
ถ้าใครสนใจรู้ลึกกว่านี้ แนะนำอ่านสัมภาษณ์ของ เฟรเดริก เวิร์นเนอร์ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง AI for Good กับ GZERO ได้ตามลิงก์นี้เลย
https://www.gzeromedia.com/global-stage/ai-for-good/how-ai-for-good-is-tackling-the-digital-divide
ที่มาของข้อมูล https://www.gzeromedia.com/ai/what-artificial-intelligence-good-for











