AI Genius Academy

แหล่งเรียนรู้เเจาะลึกรื่อง AI สำหรับทุกคน

ข่าวสาร AI รอบโลก

AI ช่วยแพทย์ระบุตำแหน่งท่อช่วยหายใจบนฟิล์มปอดแม่นยำขึ้น

วันนี้ขอแชร์เรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับการใช้ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาช่วยในงานวินิจฉัยทางการแพทย์ โดยเฉพาะการตรวจสอบตำแหน่งของ ท่อช่วยหายใจ (Endotracheal Tube – ETT) บนภาพถ่ายรังสีทรวงอก (CXR) ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากเพราะถ้าวางท่อผิดตำแหน่ง อาจเกิดปัญหาสุขภาพรุนแรงตามมาได้ งานวิจัยชิ้นนี้รวมภาพรังสีถึง 400 ภาพ จากหลายโรงพยาบาลในอังกฤษ แล้วก็ทดสอบกับหมอหลากหลายสาขา เพื่อดูว่า AI ช่วยให้การวินิจฉัยแม่นยำขึ้นแค่ไหน

พื้นหลัง

การใส่ท่อช่วยหายใจเป็นการดูแลมาตรฐานสำหรับผู้ป่วยวิกฤตที่มีปัญหาทางเดินหายใจ แต่การวางท่อผิดตำแหน่งมีโอกาสเกิดขึ้นถึงประมาณ 17% โดยเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ไม่ใช่ในห้องผ่าตัด

ถ้าท่อวางผิด จะทำให้อากาศไปถึงปอดไม่ดี อาจทำให้ปอดยุบหรือเกิดปัญหาหายใจต่าง ๆ ดังนั้น การวินิจฉัยตำแหน่งท่อด้วยภาพรังสีทรวงอกจึงสำคัญมาก แต่ก็ไม่ง่ายเพราะขึ้นกับประสบการณ์และคุณภาพภาพ

ทำไมต้องใช้ AI มาช่วย?

ในช่วงหลัง AI ถูกพัฒนาเพื่อช่วยวิเคราะห์ภาพรังสีทรวงอกหลายแบบ เช่น ตรวจหามะเร็ง ปอดยุบ หรือน้ำในปอด เป็นต้น มีผลิตภัณฑ์หลายตัวที่ได้รับการรับรองจากองค์กรใหญ่อย่าง FDA และ CE แต่ยังไม่มีงานวิจัยที่ดูผลกระทบของ AI ในการวินิจฉัยตำแหน่งท่อช่วยหายใจบนภาพรังสีแบบจริงจังเท่าไหร่

การศึกษาครั้งนี้ทำอย่างไร?

  • เก็บภาพ CXR จำนวน 400 ภาพ จากผู้ใหญ่ที่ใส่ท่อช่วยหายใจในโรงพยาบาล 3 แห่งในอังกฤษ
  • ภาพถูกแบ่งเป็น 3 กลุ่มตามตำแหน่งท่อ คือ ถูกต้อง, สูงเกินไป (proximal), และต่ำเกินไป (distal)
  • ทีมรังสีแพทย์ 4 คนตั้งเป็นมาตรฐานอ้างอิง โดยดูว่าปลายท่ออยู่ห่างจาก carina ประมาณ 3-7 ซม. หรือไม่
  • แพทย์ 18 คน จากหลายสาขาวิชาและระดับประสบการณ์ใน 4 โรงพยาบาล ถูกขอให้ดูภาพและวินิจฉัยตำแหน่งท่อโดย:
    1. เฟสแรก ตีความโดยไม่ใช้ AI
    2. หลังเว้นระยะ 4 สัปดาห์ ดูภาพเดิมแต่ครั้งนี้มี AI ช่วยบอกตำแหน่งท่อและ carina พร้อมระยะห่างให้ด้วย
  • วัดความถูกต้อง ความมั่นใจ และเวลาที่ใช้ในการตัดสินใจในแต่ละเฟส

ผลลัพธ์ที่เจ๋งๆ

  • ความถูกต้องโดยรวมในการจำแนกตำแหน่งท่อช่วยหายใจ เพิ่มจาก 73.6% เป็น 77.4% (มีนัยสำคัญทางสถิติ)
  • การตรวจจับท่อที่วางผิดตำแหน่งแบบวิกฤติแม่นขึ้นชัดเจน จาก 79.3% เป็น 89.0%
  • แพทย์ระดับกลาง (middle grade) ได้ประโยชน์เพิ่มมากสุด เพิ่มความแม่นยำจาก 75.4% เป็น 79.8%
  • ใน ICU มีการปรับปรุงผลการวินิจฉัยที่เด่นชัด (เพิ่มขึ้นเกือบ 7%)
  • เวลาที่ใช้ในการดูภาพไม่เปลี่ยนจากเดิม โดยเฉลี่ยราว 36 วินาทีต่อภาพ
  • แพทย์รู้สึกมั่นใจในการตัดสินใจขึ้นเมื่อมี AI ช่วย โดยเฉพาะเมื่อผลเป็นการวินิจฉัยถูกต้อง

สรุปแบบเข้าใจง่าย

AI ที่ช่วยตีความภาพรังสีช่วยเพิ่ม ความแม่นยำ และ ความมั่นใจ ให้แพทย์ในงานประเมินตำแหน่งท่อช่วยหายใจได้จริง โดยเฉพาะกับท่อที่วางผิดตำแหน่งแบบเร่งด่วน ซึ่งไม่ทำให้เวลาทำงานเพิ่มขึ้นด้วย

เจ้า AI ตัวนี้จึงเป็นตัวช่วยที่ดีและน่าจะช่วยป้องกันเหตุไม่พึงประสงค์จากการวางท่อผิดตำแหน่งได้เยอะทีเดียว

ข้อคิดเพิ่มเติม

  • ประสบการณ์แพทย์ยังมีผลต่อความแม่นยำ แต่ AI มาช่วยเติมเต็มช่องว่าง โดยเฉพาะกับคนที่ยังเป็นกลางๆ หรือไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเต็มตัว
  • งานนี้ย้ำให้เห็นว่าเทคโนโลยี AI ไม่ได้มาแทนที่หมอ แต่เป็นเครื่องมือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพงานแพทย์มากกว่า

สำหรับใครที่สนใจด้านการแพทย์หรือ AI ในงานดูแลสุขภาพ งานวิจัยนี้นับว่าคุ้มค่าอ่านจริงๆ เพราะแสดงให้เห็นภาพชัดเจนว่าการใช้ AI ไม่ใช่แค่เรื่องไกลตัว แต่เป็นเครื่องมือที่สามารถยกระดับการดูแลผู้ป่วยได้จริง

ที่มาของข้อมูล https://ccforum.biomedcentral.com/articles/10.1186/s13054-025-05566-6