เริ่มต้นช่วงชีวิตในมหาวิทยาลัย หลายคนก็พลักตัวเองกับการใช้ AI อย่าง ChatGPT เพื่อช่วยลดภาระการเรียน แต่บางครั้งการพึ่งพาเครื่องมือเหล่านี้มากเกินไป ก็อาจทำให้เราหลงทางกับทักษะที่ควรมีในตัวเองได้เหมือนกัน
ประสบการณ์จริงจากนักศึกษาที่เริ่มเบรกการใช้ AI
โมนิก้า เดอ โลส แองเจลส์ นักศึกษาสาขาการสื่อสารการเมืองจาก Emerson College เล่าว่า เธอเริ่มใช้ ChatGPT ในช่วงปี 2 ตอนที่ชีวิตเต็มไปด้วยความเครียดจากการฝึกงาน งานส่งการบ้าน และกิจกรรมต่าง ๆ ทำให้ AI เป็นเหมือนตัวช่วยผ่อนแรงในงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เธอต้องทำ
- แต่พอใช้ไปนาน ๆ ก็รู้สึกว่า AI เริ่มจดจำสไตล์การเขียนของเธอเอง
- ทำให้เธอเริ่มพึ่ง AI ในทุกงานจนงานต่าง ๆ ดูง่ายเหมือน “กดปุ่ม” เท่านั้น
- และจุดเปลี่ยนที่สำคัญคือ เธอจำไม่ได้ว่า “ครั้งสุดท้ายที่เขียนเอง” คือเมื่อไหร่ ทั้ง ๆ ที่การเขียนเรียงความเป็นสิ่งที่เธอชอบมากที่สุด
ตอนนี้เธอจึงตัดสินใจหยุดใช้แอปนี้ เพื่อกลับมาเรียกคืนความสามารถด้านความคิดสร้างสรรค์และการวิเคราะห์ของตนเอง
แนวคิดของนักศึกษาคนอื่นที่ตัดสินใจเลิกใช้ AI
มาคารีน่า ปาซ จากมหาวิทยาลัย Ramon Llull บาร์เซโลนา ก็เลือกที่จะหยุดใช้ AI เพราะรู้สึกว่าความคิดสร้างสรรค์หายไป และเลือกที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาดด้วยตัวเองแทน เธอแนะนำให้อาจารย์สนับสนุนการทดลองและการคิดวิเคราะห์ มากกว่าการเปิดโอกาสให้กดถาม AI แล้วรับคำตอบไปใช้เลย
งานวิจัยและมุมมองของผู้มีประสบการณ์
ไมโครซอฟท์ทำการศึกษาจากกลุ่มคนทำงาน 319 คน พบว่าใช้ AI จะช่วยลดความหลากหลายของไอเดีย และคนที่ใช้เครื่องมือ AI มาก มักใส่ความคิดของตัวเองน้อยลง โดยเฉพาะคนที่มีมาตรฐานสูงและมั่นใจในตัวเอง จะไม่ค่อยพึ่งพา AI เท่าไร
อาจารย์ฟรานซิสโก จากมหาวิทยาลัย Vigo อธิบายว่า AI เหมาะกับงานที่เป็นกิจวัตรและซ้ำ ๆ มากกว่า คนที่มีความสามารถสูงจะเห็นข้อจำกัดของ AI ชัดเจนกว่า
วิโอเลตา กอนซาเลซ นักศึกษาปริญญาโทและนักเปียโน ยังบอกว่า AI แก้ปัญหางานที่ต้องใช้ความคิดวิจารณ์ไม่ได้เลย และถ้าใช้ AI กับงานง่าย ๆ มากเกินไป เป็นเรื่องของระบบการศึกษาที่ต้องปรับ ไม่ใช่ความผิดของนักศึกษาโดยตรง
เทรนด์การใช้งาน AI ในมหาวิทยาลัย
- จากการศึกษาของมูลนิธิ CYD พบว่า 89% ของนักศึกษาปริญญาตรีในสเปนใช้ AI ในบางโอกาส เช่นแก้ข้อสงสัย (66%) ค้นคว้า (48%) และเขียนเรียงความ (45%)
- 44% ใช้บ่อยในระดับสัปดาห์ และ 35% ใช้ทุกวัน
โทนี่ โลซาโน ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยอิสระบาร์เซโลนา มองว่าการใช้ AI เป็นดาบสองคม คนที่อยากพัฒนาตัวเองจะใช้ AI อย่างมีสติ แต่คนที่ขาดแรงจูงใจก็อาจเสียหายได้เหมือนกัน
เขายังพูดเปรียบเทียบว่า AI คือ “เครื่องมือเหมือนเครื่องคิดเลข” ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้งานของแต่ละคนด้วย
AI กับการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์
OpenAI และ Anthropic ได้พัฒนา ChatGPT Edu และ Claude for Education โดยออกแบบเพื่อช่วยกระตุ้นให้นักศึกษาเกิดทักษะการคิดวิเคราะห์ ด้วยการตั้งคำถามที่ทำให้นักศึกษาต้องคิดตอบอย่างลึกซึ้งขึ้น เช่น “คุณจะจัดการอย่างไร?” หรือ “หลักฐานที่สนับสนุนข้อสรุปของคุณคืออะไร?”
ข้อแตกต่างระหว่างเสิร์ชเอนจินและ AI ในการเรียนรู้
- เสิร์ชเอนจิน เช่น Google ให้ข้อมูลและเราต้องเลือกตัดสินใจเอง ซึ่งเป็นการฝึกคิดวิเคราะห์
- AI ช่วยเลือกตอบโดยตรง ทำให้เราสูญเสียโอกาสฝึกคิดและวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง
- ยังมีความกังวลเรื่องผลกระทบของ AI ต่อสิ่งแวดล้อม เช่นการใช้น้ำและพลังงานในแต่ละการค้นหา
วิโอเลตาเตือนว่า AI บางครั้งก็ให้คำตอบมั่ว ๆ หรือสร้างข้อมูลขึ้นมาเองถ้าไม่รู้คำตอบจริง ๆ ซึ่งอาจเป็นสิ่งอันตรายถ้าไม่ตัดสินเอง
คำแนะนำสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ใช้ AI ในการทำงานและสร้างสรรค์
- อย่าปล่อยให้ AI ทำแทนคิด เพราะทักษะการคิดเปรียบเหมือนการออกกำลังกาย ถ้าไม่ใช้ก็จะค่อย ๆ หายไป
- AI มีข้อจำกัด โดยเฉพาะในงานที่ซับซ้อน เช่น การเขียนโปรแกรมที่มีปัญหาเดิมซ้ำ ๆ
- งานที่ใช้ทักษะเฉพาะตัว เช่นการเขียนบทความในสไตล์ส่วนตัว AI ยังทำได้ไม่ดี
- ในขณะเดียวกัน AI อาจทำให้เราต้องตั้งคำถามว่า เราจำเป็นต้องเก่งหรือรู้อะไรมากขนาดนั้นจริง ๆ หรือเปล่า
สุดท้ายนี้ แม้ AI จะมีประโยชน์ แต่ก็ต้องระวังอย่าให้มันทำให้เราขี้เกียจจนลืมพัฒนาและฝึกฝนทักษะของตัวเอง เพราะผลกระทบที่อาจตามมานั้นมีมากกว่าที่เราคิด










