Dr. ChatGPT จะตรวจรักษาคุณทันที เรื่องการใช้ AI วินิจฉัยและให้คำแนะนำการรักษากำลังมาแรง ผู้ป่วยและแพทย์หลายคนเริ่มใช้เครื่องมือนี้กันมากขึ้น เพราะได้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ แต่ก็ไม่ได้ราบรื่นเสมอไป เพราะบางครั้งความเห็นของผู้เชี่ยวชาญและอัลกอริทึมไม่ตรงกัน
ประสบการณ์ตรงจากผู้ใช้
มีคนบน Reddit เล่าไว้ว่าเขามีปัญหา กระดูกขากรรไกรคลิกเสียงเจ็บปวด จากการบาดเจ็บเล่นกีฬาเป็นเวลา 5 ปี แม้จะไปหาหมอเฉพาะทางและสแกน MRI หลายครั้ง ก็ไม่เจอทางแก้ไข แต่พอเล่าปัญหาให้ ChatGPT ฟัง AI แนะนำว่าอาจเป็นกระดูกขากรรไกรผิดแนว พร้อมบอกวิธีวางลิ้นเพื่อช่วยรักษา เขาลองทำตามแล้วอาการดีขึ้นและเสียงคลิกหายไป
“หลังจากทนอยู่กับอาการนี้มาห้าปี AI ตัวนี้ช่วยแก้ปัญหาได้ในหนึ่งนาที” — นี่คือข้อความที่เขาโพสต์ไว้ในเดือนเมษายนบน Reddit
เรื่องนี้กลายเป็นไวรัลเลยนะครับ แม้แต่ Reid Hoffman ผู้ร่วมก่อตั้ง LinkedIn ก็แชร์เรื่องนี้ผ่าน X และยังมีหลายเรื่องราวคล้ายๆ กันบนโซเชียลที่ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยอย่างแม่นยำจาก LLMs (Large Language Models) ในการอ่านผล MRI หรือเอกซ์เรย์
เรื่องราวของคอร์ทนีย์ ฮอฟมันน์ กับลูกชาย
คอร์ทนีย์ ฮอฟมันน์เล่าว่าลูกชายของเธอมีภาวะระบบประสาทผิดปกติซึ่งเป็นโรคหายาก แต่แม้จะพาไปหาหมอถึง 17 ครั้งใน 3 ปี ก็ยังไม่เจอการวินิจฉัยที่ชัดเจน จนเธอใช้ AI ช่วยวิเคราะห์เอกสารทางการแพทย์ ผลลัพธ์คือ AI บอกว่าเป็น “tethered cord syndrome” หรือสายไขสันหลังติดกับเนื้อเยื่อรอบๆ ซึ่งก่อนหน้านี้หมอพลาดไม่เจอ
หลังใช้ AI ช่วยหาข้อมูลได้ประมาณ 6 สัปดาห์ ลูกชายก็ได้รับการผ่าตัด และเปลี่ยนเป็นเด็กคนใหม่เลยทีเดียว
AI กำลังเปลี่ยนวิธีขอคำปรึกษาทางการแพทย์
ก่อนหน้านี้เราคุ้นเคยกับการเสิร์ชหาข้อมูลสุขภาพจาก Dr. Google แต่ตอนนี้คนเริ่มหันมาใช้ “Dr. ChatGPT” กันมากขึ้น
ทั้งโรงเรียนแพทย์ แพทย์ กลุ่มผู้ป่วย และคนพัฒนาแชทบอทกำลังวิจัยกันอย่างหนักเรื่อง
- ความแม่นยำของคำตอบ AI ทางการแพทย์
- วิธีใช้งาน AI อย่างเหมาะสม
- และการแก้ไขปัญหาข้อมูลผิด
ความเห็นจากหมอ Harvard Medical School
อดัม ร็อดแมน เป็นอาจารย์และแพทย์ที่ Harvard Medical School บอกว่าเขาเชื่อว่า AI จะช่วยพัฒนาการดูแลสุขภาพให้ดีขึ้นในอนาคต เช่น ผู้ป่วยจะสามารถพูดคุยกับ LLMs ที่เชื่อมกับประวัติสุขภาพตัวเองได้เลย
ร็อดแมนเล่าว่าในโรงพยาบาลของเขามีคนไข้หลายคนใช้ AI ช่วยเวลารอคิว เช่น ผู้หญิงคนหนึ่งที่พยายามมาหลายครั้งก่อนจะไปถาม ChatGPT โดยส่งภาพสกรีนช็อตเอกสารการรักษาและได้คำตอบแม่นยำเกี่ยวกับโรคเลือดของเธอ
เขามองว่านี่เป็นโอกาสที่แพทย์จะได้โฟกัสกับเรื่องกังวลของผู้ป่วยมากขึ้น ซึ่งอาจช่วยให้รักษาได้ตรงจุดกว่าเดิม
AI แม่นกว่าแพทย์ แต่ใช้งานจริงยังมีปัญหา
การวิจัยหลายชิ้นแสดงว่า AI สามารถให้คำแนะนำวินิจฉัยได้แม่นยำในบางกรณี แต่ในตอนที่แพทย์หรือผู้ป่วยนำไปใช้เองนั้น ความแม่นยำลดลงมาก เพราะเกิดความผิดพลาด เช่นไม่บอกอาการครบ หรือไม่สนใจคำแนะนำ AI
จากการศึกษาที่ให้แพทย์วินิจฉัยโรคโดยมีหรือไม่มี AI ช่วย พบว่า
- แพทย์ที่ใช้ AI ได้คะแนนถูกต้องประมาณ 76%
- แพทย์ที่ไม่ใช้ AI ได้ 74%
- AI ทดสอบเดี่ยวๆ ได้ถึง 92%
สรุปได้ว่า AI แม่นกว่าแพทย์นะ แต่แพทย์ยังไม่เข้าใจหรือไม่เชื่อมันตอนที่สองฝ่ายคิดไม่ตรงกัน
ตัวอย่างความแม่นยำของ AI กับเคสจริง
ร็อดแมนเล่าว่าเคยลองใช้ AI กับเคสที่แพทย์เคยวินิจฉัยผิด AI กลับระบุโรคหายากถูกต้องและแนะนำโรคทั่วไปที่เป็นทางเลือก ซึ่งหมอคนก่อนมองข้ามไป
จากการศึกษาที่มีผู้ร่วมทดสอบกว่า 1,200 คน พบว่า
- AI ระบุโรคแม่นยำเกือบ 95% หากใช้ AI เพียวๆ
- แต่ถ้าเอา AI ไปให้มนุษย์ใช้เอง ความแม่นยำลดลงเหลือแค่ 1 ใน 3 เท่านั้น
เช่นเคสปวดหัวเฉียบพลันและคอแข็ง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ฉุกเฉิน ต้องรีบไปหาหมอเพื่อตรวจโรคร้ายแรงเช่นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือเลือดออกในสมอง บางครั้ง AI บอกให้ไปโรงพยาบาลถูกต้อง แต่หลายครั้งก็ให้คำแนะนำผิด เช่นพักผ่อนเฉยๆ หรือกินยาแก้ปวด ซึ่งความไม่ตรงกันนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากข้อมูลที่ป้อนเข้า AI อีกที
ข้อจำกัดของ AI ที่หมอหลายคนพูดถึง
มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนเตือนว่า AI มักตอบอย่างมั่นใจและน่าเชื่อถือ แม้คำตอบจะผิด ตัวอย่างเช่น อลัน ฟอร์สเตอร์ ศาสตราจารย์นวัตกรรมและหมอจาก McGill University บอกว่าคำตอบ AI มาในรูปแบบเรียงความ ทำให้คนรู้สึกมีน้ำหนักและดูน่าเชื่อถือกว่าการเสิร์ชเว็บปกติที่แค่เป็นลิงก์
แม้คำตอบจะถูก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของหมอจริงได้ เช่น เจมี่ คนอปแมน แพทย์ช่วยเรื่องภาวะเจริญพันธุ์ ในแมนฮัตตัน บอกว่า AI ไม่ได้คำนึงถึงปัจจัยหลายอย่างที่ต้องใช้ความรู้เฉพาะกับเคสแต่ละคน
ยกตัวอย่างเช่นเวลาแนะนำการทำ IVF โดยดูเกรดตัวอ่อน AI อาจบอกว่าควรทำยังไงตามเกรด แต่ไม่ได้พิจารณาว่าผู้ป่วยมีอายุเท่าไร สภาพเยื่อบุมดลูก หรือเคยทำ IVF มาก่อนแล้วได้ผลยังไง
เพราะฉะนั้นแม้บางคนจะอยากทำตามคำแนะนำ AI แต่จริงๆ อาจมีวิธีที่เหมาะสมกว่าถูกช่วยเลือกโดยแพทย์
นวัตกรรมและการพัฒนาด้าน AI ทางการแพทย์
ผู้พัฒนาด้าน AI บางรายกำลังสร้างระบบช่วยวัดและปรับปรุงคุณภาพคำตอบทางการแพทย์ เช่น OpenAI ได้เปิดตัว HealthBench เป็นระบบวัดความสามารถของ AI ตอบคำถามสุขภาพ โดยทำงานร่วมกับแพทย์กว่า 260 คนจาก 60 ประเทศ มีบทสนทนาเทียมมากกว่า 5,000 ครั้ง และคู่












