เมื่อเร็วๆ นี้ วุฒิสภาสหรัฐฯ เพิ่งมีมติเด็ดขาดไม่ให้มีการห้ามใช้กฎหมายเกี่ยวกับ AI ระดับรัฐ เป็นเวลาถึง 10 ปี เรียกได้ว่าเป็นข่าวเด็ดที่น่าสนใจสำหรับคนที่ทำงานสายเทคฯ หรือกำลังลองเริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัว เพราะมันส่งผลกับการใช้เครื่องมือ AI ในชีวิตประจำวันและการทำงานแน่นอน
วุฒิสภาปฏิเสธห้ามกฎหมาย AI ของรัฐ 10 ปี
เมื่อเช้าวันอังคารที่ผ่านมา (1 กรกฎาคม) มีการลงคะแนนกันในวุฒิสภาที่เสียงส่วนใหญ่ (99 ต่อ 1) ไม่เห็นด้วยกับการขอระงับไม่ให้รัฐบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวกับ AI เป็นเวลานานถึง 10 ปี โดยเจตนาคือต้องการให้รัฐยังมีอิสระในการกำกับดูแล AI ของตัวเองต่อไป
ประเด็นนี้กลายเป็นความพ่ายแพ้ของบรรดาบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ ที่อยากให้มีมาตรการห้ามแบบนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการที่แต่ละรัฐจะมีกฎระเบียบ AI ที่ต่างกันไป เพราะจะทำให้นวัตกรรมลำบากและก้าวหน้าช้าลง
เสียงสนับสนุนและความกังวล
- John Thune ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา (จากพรรครีพับลิกัน) บอกว่าการจะเป็นผู้นำด้าน AI และเทคโนโลยีใหม่ๆ ต้องใช้ “มือที่เบา” ไม่ใช่การบังคับใช้กฎแบบเข้มงวด
- แต่ในอีกมุมหนึ่ง สมาชิกพรรครีพับลิกันบางส่วนกลับกังวลว่าการไม่มีข้อห้ามดังกล่าว จะทำให้ขาดการควบคุมเทคโนโลยีที่ทรงพลังและอาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อสังคม
- เช่น Sen. John Hawley (R-Mo.) ที่วิจารณ์ว่าการห้ามนี้เหมือนให้สิทธิพิเศษกับบริษัทที่มีพฤติกรรมไม่ดี และไม่ยอมรับผิดชอบต่อผลกระทบ
กลุ่มสังคมและผู้มีส่วนร่วมไม่เห็นด้วย
ไม่ได้มีแค่การเมืองที่แตกแยก แต่กลุ่มศิลปิน นักวิชาการ และคนทำงานสายเทคโนโลยี หลายกลุ่ม ร่วมกันเขียนจดหมายถึงสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เพื่อคัดค้านการห้ามนี้ ด้วยเหตุผลที่สำคัญคือ
- ถ้าหยุดพักการบังคับใช้กฎหมายเหล่านี้ บริษัทที่ตั้งใจสร้าง AI ที่ก่อให้เกิดอันตราย จะไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย
- ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบอัลกอริทึมที่แย่ จงใจทำร้าย หรือผลกระทบรุนแรงแค่ไหน ประชาชนก็ไม่ได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่
มุมมองใหม่เกี่ยวกับ agentic AI
รายงานจาก PYMNTS ยังเล่าถึงความกังวลเรื่อง agentic AI หรือ AI ที่สามารถทำงานอัตโนมัติและตัดสินใจได้เองโดยไม่ต้องมีมนุษย์ควบคุมโดยตรง ว่าจะเชื่อถือได้แค่ไหน และใช้งานอย่างมีจริยธรรมหรือไม่
โดยข้อมูลจาก PYMNTS Intelligence เผยว่า CFO เกือบทั้งหมดของบริษัทใหญ่ๆ คุ้นเคยกับแนวคิดของ agentic AI แต่มีแค่ 15% เท่านั้นที่คิดจะเอามาใช้งานจริง เพราะยังอยู่ในช่วงทดลองและประเมินผลกันอยู่
ส่วนบริษัทที่เริ่มลองใช้ agentic AI ส่วนใหญ่เคยใช้ AI สร้างเนื้อหา (generative AI) อย่าง ChatGPT มาก่อน ที่เอาไปใช้ประโยชน์ในงานต่างๆ เช่น เขียนรายงาน ตอบคำถามลูกค้า หรือช่วยเขียนโค้ด
สรุป
การลงมตินี้บอกให้รู้ว่า สหรัฐฯ ยังคงเปิดพื้นที่ให้รัฐต่างๆ อิสระในการกำกับดูแล AI ตามบริบทของตัวเอง ไม่ได้บล็อกการใช้งานและนวัตกรรมเทคโนโลยี แต่ก็ต้องจับตาดูว่าการไม่มีข้อห้ามจะส่งผลกับความรับผิดชอบและความปลอดภัยของ AI อย่างไรบ้าง
สำหรับใครที่ทำงานสายเทค หรือกำลังมองหาเครื่องมือ AI พวกนี้จะเป็นข้อมูลดีๆ ในการวางแผนเลือกใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสมกับงานและธุรกิจของตัวเองนะ
ที่มาของข้อมูล https://www.pymnts.com/artificial-intelligence-2/2025/senate-shoots-down-10-year-ban-on-state-ai-regulations/












